โดยการเขียนภาพของแวนโก๊ะจะมีความแหวกแนวออกไปต่างจากคนอื่น ซึ่งการเขียนภาพของเขานั้นจะเน้นใช้สีสันที่รุนแรงเช่นสีสดเกินกว่าธรรมชาตินั้นเอง แต่เค้าก็ได้มีชื่อเสียงอยู่มากในวงการของศิลปินช่างเขียนภาพชื่อดังคนหนึ่งเลย และภาพเขียนของเขานั้นสามารถถ่ายถอดความรู้สึกและเรื่องราวต่างๆลงไปในภาพนั้นได้ ซึ่งเป็นภาพถ่ายที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ของคนที่ชื่นชอบศิลปะแนวนี้นั้นเอง
แวนโก๊ะกับผลงานที่มีชื่อเสียงของเขา
ซึ่งแวนโก๊ะมีได้เป็นนักเขียนภาพมากว่าสิบปีและได้มีผลงานออกมาหลายชิ้นมาก และคงมีผลงานที่ทุกคนต้องเคยเห็นกันอย่างแน่นอนเพราะชิ้นงานของเขานั้นมีเอกลักษณ์อยู่ในตัวเอง ซึ่งเส้นทางการเป็นศิลปินเขียนภาพของเขานั้นเขาได้มาเขียนภาพแบบเต็มตัวก็คือ ตอนอายุ 20 เขาได้เริ่มมาเขียนภาพแบบเต็มตัวจนนานถึง อายุ 39 ปีแต่เขากับทำสิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือ เขาได้เสียชีวิตลงจากการยิงตัวตายด้วยตนเอง เพราะด้วยเหตุผลหลายอย่างในการเป็นศิลปินของเขานั้น เพราะผลงานของเขาขายออกแค่ชิ้นเดียวก็คือ ภาพไร่องุ่นแดง ราคาอยู่ที่ 3,500 บาท ในผลงานภาพกว่า 2,000 ชิ้นของเขานั้นเอง ซึ่งในเวลาสิบกับวงการศิลปินของเขานั้น เขาได้มาโด่งดังในช่วงสามปีหลังก่อนเสียชีวิต ซึ่งผลงานของเขาได้เป็นที่รู้จักของใครหลายๆคน เพราะน้องสะใภ้ของเขาได้นำภาพของแวนโก๊ะไปเผยแพร่ จนหลายๆคนได้รู้จักและเห็นภาพของเขานั้นเอง เพราะการวาดภาพของเขาจะออกไปทางแนว impressionism และ Modern art ซึ่งการเขียนภาพแนวนี้จะมีคนส่วนน้อยที่จะเขียน
โดยแวนโก๊ะใช้สีลงในภาพทั้งเจ็ดสี โดยที่ใช้สีแบบรุนแรงซึ้งถ้าเป็นสีแดงก็จะแดงไปเลยน้ำเงินก็จะน้ำเงินไปเลย เพราะเขาจะเน้นการลงสีแบบนี้เป็นส่วนใหญ่และเขาได้มีฉายาในวงการว่าแวนโก๊ะศิลปินใส้แห้ง เพราะตลอดเวลาที่อยู่ในวงการภาพเขียนของเขาขายออกแค่ชิ้นเดียวในบรรดาภาพเขียนกว่าสองพันกว่าชิ้น เขาเลยเครียดและตัดสินใจยิงตัวตายในที่สุด และหลังจากเขาตายน้องสะใภ้ของเขานั้นก็ได้นำภาพเขียนของเขาออกมาเผยแพร่จนให้ทุกคนได้รู้จักกันแพร่หลายในที่สุด และชื่อของแวนโก๊ะก็ได้เป็นที่รู้จักของหลายๆคน จนถึงปัจจุบันด้วยฝีมือของน้องสะใภ้ของเขานั้นเอง ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่เขาคงจะภาคภูมิใจในผลงานของตัวเองอย่างมาก และคงดีใจที่ในตอนนี้ทุกคนได้เห็นผลงานของเขาแล้วนั้นเอง